ภายใต้แนวคิดเรื่องการนับถือวิชาหนังสือ การศึกษาก็คือการอ่านออกเขียนได้ การจัดพิมพ์แบบเรียนและตำราจึงขยายตัวออกไปพร้อมกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๑๔ มีการจัดพิมพ์หนังสือเรียนชุดแบบเรียนหลวง ๖ เล่ม หรือที่รู้จักในนาม
มูลบทบรรพกิจ ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เพื่อใช้เป็นแบบเรียนสำหรับโรงเรียนหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๑ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์หนังสือชุด
แบบเรียนเร็ว ขึ้นมาเพื่อใช้แทน มูลบทบรรพกิจ เพราะทรงเห็นว่า ชาวบ้านต้องการแบบเรียนที่ง่ายขึ้น และที่สำคัญ สามารถเรียนจบเล่มภายในเวลาอันสั้น
หลังจากที่แผนการศึกษาใหม่ถูกประกาศใช้ในปี พ.ศ. ๒๔๔๑ จำนวนโรงเรียนและนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด การพิมพ์แบบเรียนจำนวนมากเป็นผลโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ภารกิจดังกล่าวตกอยู่ในมือของโรงพิมพ์เอกชน โรงพิมพ์ที่มีชื่อเสียงในด้านนี้ได้แก่ โรงพิมพ์อักษรนิติ์ โรงพิมพ์โสภณพิพรรตธนากร โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ โรงพิมพ์พิศาลบรรณนิติ์ โรงพิมพ์กรุงเทพฯ เดลิเมล์ และโรงพิมพ์พิมพ์ไทย
ตัวพิมพ์ที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคนี้ปรากฏอยู่ในแบบเรียนทั้งที่เรียบเรียงและจัดพิมพ์โดยรัฐและเอกชน ตัวพิมพ์วิทยาจารย์ (ชื่อเรียกตาม กำธร สถิรกุล) เกิดขึ้นราวปี พ.ศ. ๒๔๕๒-๒๔๕๕ ในหนังสือเรียนหลายเล่ม เช่น บทเรียนด้วยของ-วิทยาศาสตร์เบื้องต้น (จัดพิมพ์โดยกรมวิชาการ), เลขมูลศึกษา-คณนาวิทยา (กรมวิชาการ) และ หนังสือสำหรับเด็ก-นายแย็กผู้ฆ่ายักษ์ (กรมราชบัณฑิต) ทั้งหมดนี้เป็นผลงานการพิมพ์ของโรงพิมพ์อักษรนิติ์
ตัวพิมพ์ชุดนี้มีความหนามากเป็นพิเศษ จุดเด่นคือสามารถใช้เป็นตัวพาดหัวสำหรับแบบเรียนสำหรับเด็กเล็ก แต่ทางโรงพิมพ์อักษรนิติ์นำตัวนี้มาใช้เป็นตัวพื้น ซึ่งปรากฏว่าเหมาะสมดี เพราะมีขนาดใหญ่และอ่านง่าย ตัวพิมพ์ชุดนี้จึงถูกใช้ในแบบเรียนรุ่นต่อมาอีกหลายเล่ม